“การตลาดเพื่อสิ่งแวดล้อม” ไม้เด็ดครองใจผู้บริโภค
![]() |
การใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของหลายธุรกิจที่เราได้เห็นอยู่ มักมีราคาแพงขึ้นเป็นค่า “ใฝ่ดี”
แต่กรณี “พรานทะเล” ที่ชูกลยุทธ์ Green Marketing กลับสามารถเสนอสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานด้วยราคาลดลงได้ ย่อมถูกใจผู้บริโภคแน่
ดร.ธงชัย ธาวนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ชี้ประเด็นว่า ปัจจุบันคนทั่วโลกต่างตื่นตัวเรื่องภาวะ “โลกร้อน” กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมโลกที่ทุกคนสัมผัสได้ จึงเป็นผลให้ผู้ประกอบธุรกิจจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัท พรานทะเลได้ปรับนโยบายการดำเนินธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารแช่แข็งที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม
จุดเด่นการตลาดเพื่อสิ่งแวดล้อม
“พรานทะเลเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ด้านนวัตกรรมและการเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนี้ จะสร้างแรงจูงใจในการซื้อกับผู้บริโภค เนื่องจากผู้บริโภคเห็นประโยชน์ที่จะได้รับอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งจากราคาสินค้าที่ถูกลง หรือปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้น และเกิดความรู้สึกว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่ผู้บริโภคเองมีสิทธิ์เลือกสนับสนุนสินค้าที่มีส่วนช่วยโลก ช่วยสังคมให้น่าอยู่ขึ้น และยังสามารถขยายฐานกลุ่มลูกค้า ไปยังกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย ที่สำคัญที่สุดคือการสร้างภาพลักษณ์องค์กรและแบรนด์ในระยะยาว และการเข้าไปครองใจผู้บริโภคอย่างยั่งยืน” ผู้บริหารสูงสุดของพรานทะเล กล่าวย้ำ
ผลลัพธ์ทางการตลาด
อนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการของพรานทะเล เล่าถึงยุทธวิธีว่า มีการสื่อสารไปยังผู้บริโภคว่าทั้งสินค้าและโรงงานที่ผลิตสินค้าของพรานทะเลนั้นมีความเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม คือ 1) จ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาช่วยวางระบบการผลิต เพื่อให้สามารถลดคาร์บอนยูนิตในขั้นตอนการผลิต เริ่มขึ้นเมื่อราวกลางปี 2553 2) ในแง่บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการลดการใช้ภาชนะที่เป็นถ้วยพลาสติกและโฟมลง เริ่มจากสินค้าข้าวต้มพรานทะเล (ซีฟูด) และพรานไพร (หมู-ไก่) ใช้แนวคิดว่า “ข้าวต้มพรานทะเลลดโลกร้อน”
เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ได้ช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกลง 65% หรือประมาณ 63 ตัน/ปี เทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 200,000 กิโลวัตต์ต่อปี หรือการปิดไฟนีออน 3,000 ดวง เป็นระยะเวลา 1 ปีทีเดียว
ในแง่ของผู้บริโภคก็สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้ เพราะข้าวต้มแพกเกจใหม่ที่มีต้นทุนค่าภาชนะและการขนส่งลดลงก็มีการลดราคาขายจาก 49 เหลือ 39 และจาก 39 เหลือ 29 บาท หรือลดลงถึง 15% ในขณะที่ปริมาณเพิ่มมากขึ้น
นั่นเป็นผลลัพธ์จากกลยุทธ์การตลาดครึ่งปีแรกที่ได้ชูกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่นวัตกรรมใหม่ๆ จากการวิจัยและพัฒนาในตลาดอาหารทะเลแช่แข็ง มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่กลุ่มสินค้าพร้อมทาน คือ เมนูข้าวต้มพรานทะเลแพกเกจใหม่ลดโลกร้อน ซึ่งขายดีเป็นอันดับหนึ่งของพรานทะเล อีกทั้งการส่งเสริมการตลาดโดยการกระจายสินค้าไปยัง Modern Trade ต่างๆ อย่างทั่วถึง ควบคู่การจัดโปรโมชั่น ลด แลกแต่จะเน้นที่สินค้ากลุ่มซูชิมากขึ้น
น่าสังเกตว่าเดิมทีพรานทะเลเป็นผู้ผลิตซูชิให้กับ Modern Trade ภายใต้แบรนด์ที่แตกต่างกัน คือผลิต Hideko, Kai-ou, Yuri และ I Sushi ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน เพื่อสร้างการจดจำในสินค้ากลุ่มซูชิของพรานทะเลให้กับผู้บริโภค บริษัทฯ จึงจะรีแบรนดิ้ง เป็น “พรานทะเลซูชิ” ชื่อเดียวแต่แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
Prantalay Sushi Platinum: พรานทะเลซูชิแพลทินัม ขนาดจัมโบ้ กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ราคาประมาณ 139-239 บาทต่อเซต
Prantalay Sushi Gold: พรานทะเลซูชิโกลด์ ปรับขนาดและราคาลงมาเล็กน้อย ราคาประมาณ 49-99 บาทต่อเซต
Prantalay Sushi Fusion: พรานทะเลซูชิฟิวชั่น ยังคงให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่มีคุณภาพในราคาที่กลุ่มบริโภคซื้อได้ง่ายขึ้น จุดเด่นคือ การออกแบบอย่างสร้างสรรค์ ทั้งรูปทรงและสีสันที่สดใส จัดจ้านมากขึ้น ราคาสบายกระเป๋า ประมาณ 7 และ10 บาท
จุดขายสำคัญของพรานทะเลซูชิ นอกจากจะมีหลายราคา ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่มแล้ว คือการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคจดจำว่า พรานทะเลซูชิเป็นซูชิแท้ 100% เพราะผลิตจากข้าวญี่ปุ่น เม็ดอ้วนกลมที่ใช้สำหรับทำซูชิโดยเฉพาะ และใช้วัตถุดิบที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล GMP และ HACCP ผ่านการผลิตที่ถูกสุขอนามัย
จุดเด่นอีกประการของซูชิพรานทะเล คือการใช้ถาดย่อยสลายได้ตามธรรมชาติซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ที่ตัวถาดนำมาบรรจุอาหารได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สามารถนำมาใช้งานได้เหมือนถาดพลาสติกทั่วๆ ไป แต่การย่อยสลายเมื่อเลิกใช้งานแล้วจะใช้เวลาประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น ความร้อน ความชื้น ภาวะกรด-ด่าง ออกซิเจน รวมถึงแรงเค้นจากเม็ดฝนและแรงลม
โดยเฉพาะการออกงาน THAIFEX-World of Food Asia 2011 ที่เพิ่งผ่านไป มีผู้เข้าชมงานทั้งในและต่างประเทศได้สัมผัสถึงนวัตกรรมอาหารทะเลแช่แข็งเพื่อสุขภาพ หัวใจสีเขียวของพรานทะเลก็ได้รับการตอบรับคึกคัก แค่ 2 วัน ทำรายได้เกือบ 7 แสนบาท สูงกว่าปีที่แล้วซึ่งทำยอดขาย 5 แสนบาท
กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยที่ผู้บริหารพรานทะเลมั่นใจว่า จะสามารถสร้างแรงจูงใจในการซื้อ เนื่องจากผู้บริโภคเห็นประโยชน์ที่จะได้รับอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และยังสามารถขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นได้อีกด้วยเพราะราคาที่ถูกลง ที่สำคัญคือจะช่วยในเรื่องภาพลักษณ์องค์กรและแบรนด์ในระยะยาวอย่างยั่งยืน แจก แถม และการดำเนินงานประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง
ส่งผลให้ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของยอดขายรวมกว่า 600 ล้านบาท
บุกต่อเนื่องครึ่งปีหลัง
พรานทะเลยังคงมุ่งไปที่สินค้า 3 กลุ่มหลักคือ สินค้าพร้อมปรุง (Ready to Cook), สินค้าพร้อมทาน (Ready to Eat) และซูชิ (Sushi)
http://www.manager.co.th/mgrweekly/ViewNews.aspx?NewsID=9540000068067
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น